ระเบียบสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
ระเบียบข้อบังคับ สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
หมวด ๑
ความทั่วไป
ข้อ ๑. ข้อบังคับนี้เรียกว่า“ข้อบังคับสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๕๕๘”
ข้อ ๒. ให้ยกเลิกข้อบังคับสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย ฉบับ พ.ศ. ๒๕๒๗ และให้ใช้ข้อบังคับต่อไปนี้แทน
ข้อ ๓. ในข้อบังคับนี้
สมาคม หมายถึงสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
นายกสมาคม หมายถึงนายกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
คณะกรรมการ หมายถึงคณะกรรมการสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
กรรมการ หมายถึงกรรมการสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
อุปนายก หมายถึงอุปนายกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
เลขานุการ หมายถึง เลขานุการสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
สมาชิก หมายถึงสมาชิกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
ข้อบังคับ หมายถึงข้อบังคับสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทยพุทธศักราช ๒๕๕๘
ข้อ ๔. ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่นายทะเบียนสมาคมประจำกรุงเทพมหานคร ได้จดทะเบียนแล้ว
ข้อ ๕. ให้นายกสมาคมรักษาการตามข้อบังคับนี้
หมวด ๒
ชื่อ เครื่องหมายสมาคม และสถานที่ตั้ง
ข้อ ๖. สมาคมนี้มีชื่อว่า “สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย” ใช้อักษรย่อว่า ก.ส.ท. เป็นภาษาอังกฤษ “Entomology and Zoology Association of Thailand” ใช้อักษรย่อว่า EZAT (อี – แซท)
ข้อ ๗. เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็น รูปวงกลม ภายในวงกลมมีอักษร EZAT 1982 อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ซึ่งแบ่งวงกลมออกเป็นสี่ส่วน มีรูปภาพของ มวน ยุง หนู และไร ด้านบนของวงกลมมีข้อความภาษาอังกฤษว่า ENTOMOLOGY AND ZOOLOGY ASSOCIATION OF THAILAND ด้านล่างของวงกลมมีข้อความภาษาไทยว่า สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย
ข้อ ๘. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ อาคารกลุ่มงานวิจัยการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช กรมวิชาการเกษตร เลขที่ ๕๐ ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทรศัพท์และโทรสาร ๐๒ ๙๔๐ ๕๘๒๕
หมวด ๓
วัตถุประสงค์
ข้อ ๙. วัตถุประสงค์ของสมาคมเพื่อ
๙.๑ เป็นศูนย์รวมทางวิทยาการกีฏและสัตววิทยาของประเทศไทย
๙.๒ เป็นศูนย์กลางของการติดต่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักวิชาการและผู้สนใจงานด้านกีฏและสัตววิทยาทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
๙.๓ ส่งเสริมความสามัคคีระหว่างมวลสมาชิก
๙.๔ เป็นแหล่งผลิตและเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการและการปฏิบัติทางกีฏและสัตววิทยาให้แก่มวลสมาชิก เกษตรกร และผู้สนใจทั่วไป
๙.๕ ไม่ดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวด ๔
สมาชิก
ข้อ ๑๐. สมาชิกสมาคมมี ๓ ประเภท ดังต่อไปนี้
๑๐.๑ สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลผู้มีอาชีพและสนใจในวิทยาการ สาขากีฏและสัตววิทยา ซึ่งได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกตลอดชีพตามระเบียบของสมาคม และสมาคมได้รับเข้าเป็นสมาชิก
๑๐.๒ สมาชิกวิสามัญ ได้แก่บุคคลผู้มีอาชีพและสนใจในวิทยาการ สาขากีฏและสัตววิทยา ซึ่งได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกรายปีตามระเบียบของสมาคม และสมาคมได้รับเข้าเป็นสมาชิก
๑๐.๓ สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติคุณในสาขาวิชากีฏและสัตววิทยา ซึ่งคณะกรรมการได้ลงมติเชิญให้เป็นสมาชิก
ข้อ ๑๑. คุณสมบัติของผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกมีดังนี้
๑๑.๑ เป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๘ ปีบริบูรณ์
๑๑.๒ เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
๑๑.๓ ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
๑๑.๔ ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลผู้ล้มละลายหรือไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาทหรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ในกรณีดังกล่าว จะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือระหว่างที่เป็นสมาชิกของสมาคมเท่านั้น
ข้อ ๑๒. ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกสามัญ และสมาชิกวิสามัญ ต้องยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขานุการ และต้องมีสมาชิกสามัญรับรอง ๑ คน โดยให้เลขานุการรวบรวมใบสมัครเสนอต่อคณะกรรมการ เมื่อคณะกรรมการมีมติรับไว้เป็นสมาชิกสามัญ หรือสมาชิกวิสามัญ และนายทะเบียนลงทะเบียนสมาชิกแล้ว สมาชิกผู้นั้นย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ตามข้อบังคับ ยกเว้นสมาชิกกิตติมศักดิ์
สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่สมาคมได้รับหนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิก
ข้อ ๑๓. ผู้สมัครเป็นสมาชิกต้องชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงต่างๆ ดังนี้
๑๓.๑ สมาชิกสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนแรกเข้า ๕๐ บาท (ห้าสิบบาทถ้วน) ค่าบำรุงชำระครั้งเดียวตลอดชีพ คนละ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน)
๑๓.๒ สมาชิกวิสามัญจะต้องเสียค่าลงทะเบียนแรกเข้า ๕๐ บาท (ห้าสิบบาทถ้วน) ค่าบำรุงเป็นรายปี ๆ ละ ๑๐๐ บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน)
๑๓.๓ สมาชิกกิตติมศักดิ์ไม่ต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรกและค่าบำรุงสมาคม
หมวด ๕
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ ๑๔. สมาชิกสมาคมมีสิทธิและหน้าที่ดังนี้
๑๔.๑ มีสิทธิประดับเครื่องหมายของสมาคม
๑๔.๒ มีสิทธิได้รับวารสารของสมาคม โดยเสียค่าบำรุงอัตราพิเศษ
๑๔.๓ มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิชาการและร่วมประชุมใหญ่ของสมาคม
๑๔.๔ มีสิทธิเสนอความเห็นใดๆ เกี่ยวกับกิจการของสมาคมต่อคณะกรรมการได้
๑๔.๕ สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้งหรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการของสมาคม และมีสิทธ์ออกเสียงลงมติต่างๆ ในที่ประชุมได้คนละ ๑ คะแนนเสียง
๑๔.๖ มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่างๆ ที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
๑๔.๗ มีสิทธิร้องขอต่อคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของสมาคม
๑๔.๘ มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย ๑ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญทั้งหมดร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญได้
๑๔.๙ มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติและข้อบังคับของสมาคมโดยเคร่งครัด
๑๔.๑๐ มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของสมาคม
๑๔.๑๑ มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจการต่างๆ ของสมาคม
๑๔.๑๒ มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่สมาคมได้จัดให้มีขึ้น
๑๔.๑๓ มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของสมาคมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
หมวด ๖
สมาชิกภาพและการขาดจากสมาชิกภาพ
ข้อ ๑๕. สมาชิกภาพของสมาชิกเริ่มตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้ลงทะเบียนรับเป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว
ข้อ ๑๖. สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้
๑๖.๑ ตาย
๑๖.๒ ลาออกโดยการยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อนายกสมาคม
๑๖.๓ ขาดคุณสมบัติสมาชิกตามข้อ ๑๑
๑๖.๔ ที่ประชุมคณะกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้ที่เข้าร่วมประชุมมีมติให้ออกด้วยฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบของสมาคม หรือมีพฤติการณ์อันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายให้แก่สมาคม หรือด้วยเหตุอื่นใดตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร และสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังค้างอยู่กับสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
๑๖.๕ สมาชิกผู้ใดขาดจากสมาชิกภาพ ให้นายทะเบียนจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนและประกาศไว้ ณ ที่ทำการสมาคมไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน
๑๖.๖ สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์สิ้นสุดลงเมื่อตายหรือลาออก
หมวด ๗
คณะกรรมการ และการดำเนินกิจการสมาคม
ข้อ ๑๗. ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งทำหน้าที่บริหารสมาคม มีจำนวนอย่างน้อย ๒๐ คน อย่างมากไม่เกิน ๓๐ คน
ข้อ ๑๘. ให้ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีเลือกตั้งนายกสมาคม จากสมาชิกสามัญของสมาคมซึ่งอยู่ในที่ประชุม
ข้อ ๑๙. ให้นายกสมาคมมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกสามัญเป็นกรรมการเพิ่มเติมอีกไม่เกินจำนวน ๒๙ คน
ข้อ ๒๐. ตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมการประกอบด้วย นายกสมาคม อุปนายก เลขานุการ เหรัญญิก ปฏิคม นายทะเบียน ประชาสัมพันธ์ วิชาการ กรรมการกลาง ทั้งนี้นายกสมาคมอาจกำหนดตำแหน่งอื่น ๆ ได้ตามที่เห็นสมควร ตำแหน่งกรรมการตามวรรคแรก มีหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้
๒๐.๑ นายกสมาคม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก องค์การ หรือสมาชิกทั้งภายใน และต่างประเทศ และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม คณะกรรมการและการประชุมใหญ่ของสมาคม
๒๐.๒ อุปนายก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายกสมาคมในการบริหารกิจการสมาคม รับผิดชอบและปฏิบัติตามที่นายกสมาคมมอบหมายและทำหน้าที่แทนนายกสมาคม เมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยการทำหน้าที่แทนนายกสมาคมให้อุปนายกตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำแทน
๒๐.๓ เลขานุการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของสมาคมทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของสมาคม และปฏิบัติกิจการของสมาคม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆ ของสมาคม
๒๐.๔ เหรัญญิก มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของสมาคม เป็นผู้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีงบดุลของสมาคม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
๒๐.๕ ปฏิคม มีหน้าที่ในการต้อนรับแขกของสมาคม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ประชุมต่างๆ ของสมาคม
๒๐.๖ นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของ สมาคมประสานงานกับเหรัญญิกในการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงสมาคมจากสมาชิก
๒๐.๗ ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่ข่าวสาร กิจการและชื่อเสียง เกียรติคุณของสมาคมให้สมาชิกและบุคคลทั่วไปให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
๒๐.๘ วิชาการ มีหน้าที่เผยแพร่ความรู้และจัดหาทุนเพื่อการค้นคว้าและวิจัยทางสาขากีฏและสัตววิทยา
๒๐.๙ กรรมการกลาง มีหน้าที่ช่วยเหลือการประชุม การจัดสัมมนาและสนับสนุนกิจการต่างๆ ของสมาคม
ข้อ ๒๑. อำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการ
๒๑.๑ มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับนี้
๒๑.๒ มีอำนาจว่าจ้างและเลิกจ้างเจ้าหน้าที่ของสมาคม
๒๑.๓ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
๒๑.๔ มีอำนาจที่จะเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
๒๑.๕ มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ หรือแต่งตั้งผู้แทนทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสมาคมประจำท้องถิ่น ให้มีหน้าที่ปฏิบัติภายในระเบียบการที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
๒๑.๖ มีอำนาจบริหารกิจการของสมาคม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
๒๑.๗ มีอำนาจกำหนดระเบียบการเงินของสมาคม เพื่อให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติ
๒๑.๘ มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมด รวมทั้งการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคม
๒๑.๙ มีหน้าที่จัดประชุมใหญ่วิสามัญตามที่สมาชิกจำนวน ๑ ใน ๓ ของสมาชิกสามัญทั้งหมด ได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมวิสามัญขึ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
๒๑.๑๐ มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจสอบได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
๒๑.๑๑ จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆ ของสมาคม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ
๒๑.๑๒ มีหน้าที่อื่นๆ แล้วแต่กรณี โดยไม่ขัดต่อข้อบังคับนี้
ข้อ ๒๒. นายกสมาคมและกรรมการอยู่ในตำแหน่งวาระละ ๒ ปี นายกสมาคมจะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน ๒ วาระติดต่อกัน เว้นแต่ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีลงมติเป็นอย่างอื่น
ข้อ ๒๓. คณะกรรมการที่ต้องออกตามวาระ ให้ทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่
ข้อ ๒๔. ข้อกำหนดวิธีการเลือกตั้งนายกสมาคม
๒๔.๑ นายกสมาคมเป็นผู้กำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อทำการเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ ก่อนอายุของการทำงานคณะกรรมการชุดปัจจุบันจะสิ้นสุดลงอย่างน้อยเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า ๑๕ วัน โดยประกาศหรือแจ้งให้สมาชิกทราบกำหนดการโดยทั่วถึงเท่าที่จะทำได้ ก่อนกำหนดการประชุมไม่ต่ำกว่า ๑๕ วัน
๒๔.๒ ให้ติดประกาศรับสมัครเลือกตั้งนายกสมาคม ณ ที่ทำงานของสมาคม หรือสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของสมาคมไม่น้อยกว่า ๕ แห่ง ก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปีไม่ต่ำกว่า ๑๕ วัน
๒๔.๓ ให้ผู้มีคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคม ยื่นความจำนงต่อเลขานุการสมาคม พร้อมภาพถ่ายครึ่งตัว หน้าตรงไม่สวมหมวก จำนวน ๕ ภาพ ก่อนกำหนดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีไม่ต่ำกว่า ๗ วัน
๒๔.๔ ให้เลขานุการดำเนินการติดประกาศรายชื่อ พร้อมภาพถ่ายผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคม ณ สถานที่ที่กำหนดตามข้อ ๒๔.๒ ก่อนการเลือกตั้งในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีไม่ต่ำกว่า ๕ วัน
๒๔.๕ ให้สมาชิกที่อยู่ในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีเสนอชื่อประธานการเลือกตั้งจากสมาชิกที่เข้าประชุม โดยในการเลือกประธานการเลือกตั้ง ให้มีการลงคะแนนอย่างเปิดเผย จากนั้นให้ประธานการเลือกตั้งแต่งตั้งกรรมการอีกจำนวน ๕ นาย เพื่อดำเนินการเลือกตั้ง โดยกรรมการเลือกตั้งต้องไม่เป็นกรรมการบริหารในเวลานั้น
๒๔.๖ ให้ประธานการเลือกตั้งดำเนินการเลือกตั้งตามข้อ ๑๘ ประกาศรายชื่อ พร้อมทั้งประวัติย่อของสมาชิกผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมต่อที่ประชุม จากนั้นให้ผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้งได้แถลงนโยบายการทำงานของแต่ละบุคคลที่สมัครตามลำดับหมายเลข
๒๔.๗ ให้สมาชิกสามัญที่เข้าประชุมออกเสียงเลือกตั้ง โดยการกาเครื่องหมาย ในบัตรเลือกตั้งตามหมายเลขที่ตนต้องการเลือกนายกสมาคม
๒๔.๘ ให้คณะกรรมการเลือกตั้งนับคะแนนให้เสร็จสิ้นโดยยุติธรรมและประกาศชื่อผู้ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุดเป็นนายกสมาคม และประกาศให้สมาชิกทราบทั่วกัน
๒๔.๙ ให้นายกสมาคมที่ได้รับการเลือก แต่งตั้งสมาชิกสามัญเป็นคณะกรรมการบริหารสมาคมให้เสร็จเรียบร้อยภายใน ๑๕ วันภายหลังการเลือกตั้ง แล้วแจ้งให้สมาชิกทราบโดยทั่วถึงกัน
หมวด ๘
การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ
ข้อ ๒๕. กรรมการพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
๒๕.๑ ตาย
๒๕.๒ ลาออก โดยยื่นหนังสือต่อนายกสมาคม
๒๕.๓ ครบวาระ
๒๕.๔ ขาดจากการเป็นสมาชิกภาพ
๒๕.๕ เมื่อเลิกสมาคม
๒๕.๖ ที่ประชุมใหญ่มีมติให้พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะหรือเป็นรายบุคคล
๒๕.๗ คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อนายกสมาคมลาออก หรือที่ประชุมใหญ่สามัญ หรือวิสามัญลงมติไม่ไว้วางใจนายกสมาคม
๒๕.๘ นายกสมาคมสามารถเปลี่ยนแปลงกรรมการที่มาจากการแต่งตั้งได้โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสมาคมก่อน
ข้อ ๒๖. ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม นอกจากที่ต้องออกตามวาระ ให้นายกสมาคมโดยมติคณะกรรมการแต่งตั้งสมาชิกสามัญเป็นกรรมการแทนในตำแหน่งที่ว่าง กรรมการที่เข้ามาแทนนั้นอยู่ในตำแหน่งได้เท่าวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น
ข้อ ๒๗. เมื่อคณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด ให้ทำบันทึกส่ง รับมอบงาน พร้อมส่งมอบทรัพย์สินและบัญชีทรัพย์สิน ตลอดจนเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน การบัญชี แก่กรรมการชุดใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับหน้าที่
หมวด ๙
การประชุมคณะกรรมการบริหาร
ข้อ ๒๘. คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยปีละ ๔ ครั้ง ทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคม
ข้อ ๒๙. การประชุมคณะกรรมการ จะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของคณะกรรมการบริหารให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๓๐. ในการประชุมคณะกรรมการ หากนายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่เข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม
หมวด ๑๐
กรรมการที่ปรึกษา
ข้อ ๓๑. คณะกรรมการอาจเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ที่เคยเป็นนายกสมาคม หรือผู้มีอุปการะคุณแก่สมาคมเป็นกรรมการที่ปรึกษาได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๓๒. กรรมการที่ปรึกษามีหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการในการบริหารงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคม
ข้อ ๓๓. กรรมการที่ปรึกษาพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับการพ้นตำแหน่งของคณะกรรมการชุดที่แต่งตั้ง
หมวด ๑๑
การประชุมใหญ่
ข้อ ๓๔. การประชุมใหญ่ของสมาคม มีดังนี้
๓๔.๑ ประชุมใหญ่สามัญประจำปี
๓๔.๒ ประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ ๓๕. คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๆ ละ ๑ ครั้ง ภายในเดือน กรกฎาคม ของทุกๆ ปี
ข้อ ๓๖. การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นสมควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกสามัญไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๓ ของสมาชิกทั้งหมด ร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดให้มีขึ้น
ข้อ ๓๗. การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกทราบ และการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุ วัน เวลา และสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ไว้ ณ สำนักงานของสมาคมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๗ วัน ก่อนถึงกำหนดวันประชุมใหญ่
ข้อ ๓๘. การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ต้องมีระเบียบวาระการประชุมอย่างน้อย ดังนี้
๓๘.๑ แถลงผลงานของคณะกรรมการในรอบปีที่ผ่านมา
๓๘.๒ แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และงบดุลประจำปีที่ผ่านมา
๓๘.๓ เลือกตั้งคณะกรรมการสมาคมชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ
๓๘.๔ เลือกตั้งผู้สอบบัญชี
๓๘.๕ เรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)
ข้อ ๓๙. ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือประชุมใหญ่วิสามัญ จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุมก็ให้ขยายเวลาออกไปอีกพอสมควร แต่เมื่อครบกำหนดเวลาที่ขยายออกไปแล้ว ยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ก็ให้เลื่อนการประชุมคราวนั้นไปและให้จัดประชุมใหม่อีกครั้งหนึ่งภายใน ๑๔ วัน หากสมาชิกสามัญมาประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นเป็นการประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัดประชุมใหญ่ ให้ถือว่าการประชุมนั้นเป็นอันยกเลิก
ข้อ ๔๐. การลงมติในที่ประชุมใหญ่ ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๔๑. ในการประชุมใหญ่ของสมาคม หากนายกสมาคมและอุปนายกไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมใหญ่ทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น
ข้อ ๔๒. การประชุมทางวิชาการ ให้มีการประชุมทางวิชาการหรือปาฐกถาเป็นครั้งคราว
หมวด ๑๒
การเงิน และทรัพย์สิน
ข้อ ๔๓. รายได้ของสมาคม มีดังนี้
๔๓.๑ เงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงของสมาชิก
๔๓.๒ เงินหรือทรัพย์สินบริจาค
๔๓.๓ เงินรายได้จากการจัดพิมพ์เอกสารวิชาการ
๔๓.๔ เงินจากการจัดกิจกรรมอื่นๆ
๔๓.๕ ดอกผล
ข้อ ๔๔. การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคมให้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของคณะกรรมการ
ข้อ ๔๕. การรับเงินของสมาคมทุกครั้งจะต้องออกใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานการจ่ายเงินทุกประเภทจะต้องมีใบสำคัญเป็นหลักฐาน และต้องเก็บหลักฐานการรับจ่ายเงินไว้ เพื่อทำการตรวจสอบไม่น้อยกว่า ๕ ปี
ข้อ ๔๖. เงินของสมาคมต้องนำฝากไว้ที่ธนาคารหนึ่งธนาคารใด หรือสถาบันการเงินตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร เว้นแต่กรณีเงินบริจาคซึ่งผู้บริจาคกำหนดเงื่อนไขไว้เป็นอย่างอื่น
ข้อ ๔๗. การลงนามในตั๋วเงินหรือเช็คของสมาคม จะต้องมีลายมือชื่อของนายกสมาคมหรือผู้ทำการแทนฝ่ายหนึ่งลงนามร่วมกับเหรัญญิก หรือเลขานุการอีกฝ่ายหนึ่ง พร้อมกับประทับตราของสมาคมเป็นสำคัญ
ข้อ ๔๘. ให้นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของสมาคมได้ครั้งละไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการก่อน เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วน ไม่อาจนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการได้ ก็ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกสมาคมที่จะอนุมัติให้จ่ายไปก่อนได้แต่ต้องไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)
ข้อ ๔๙. เหรัญญิกเก็บเงินสดไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน)
ข้อ ๕๐. การจ่ายเงินแต่ละครั้งเกินกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) จะต้องได้รับอนุมัติจากนายกหรืออุปนายกสมาคมก่อน หากการจ่ายเงินเกินกว่า ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการก่อน
ข้อ ๕๑. งบการเงินของสมาคมสิ้นสุดในวันที่ ๓๐ มิถุนายนของทุกปี ให้เหรัญญิกนำบัญชีงบการเงินเสนอคณะกรรมการภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี และแถลงบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้สมาชิกทราบในการประชุมใหญ่ของสมาคม
ข้อ ๕๒. ให้คณะกรรมการบริหาร เลือกผู้สอบบัญชีซึ่งได้จดทะเบียนไว้ถูกต้องตามกฎหมายและจะต้องมิได้เป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคม เสนอให้สมาชิกในที่ประชุมใหญ่แต่งตั้ง
ข้อ ๕๓. ผู้ตรวจสอบบัญชี มีอำนาจหน้าที่จะเรียกเอกสารที่เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินจากคณะกรรมการ และสามารถจะเรียกกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของสมาคมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบัญชีและทรัพย์สินของสมาคมได้
ข้อ ๕๔. คณะกรรมการจะต้องให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบบัญชี เมื่อได้รับการร้องขอ
หมวด ๑๓
การออกระเบียบและการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ
ข้อ ๕๕. คณะกรรมการมีอำนาจออกระเบียบเพื่อบริหารกิจการสมาคมตามข้อบังคับกำหนด ทั้งนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกับข้อบังคับหรือวัตถุประสงค์ของสมาคมและกฎหมายหรือระเบียบของราชการ ระเบียบที่ออกตามวรรคหนึ่ง ให้มีผลบังคับใช้หลังจากแจ้งให้สมาชิกทราบและปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการสมาคมแล้วไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
ข้อ ๕๖. ข้อบังคับของสมาคมจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่สามัญหรือวิสามัญเท่านั้น และต้องได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
หมวด ๑๔
การเลิกสมาคม
ข้อ ๕๗. สมาคมนี้จะเลิกได้ก็โดยมติของที่ประชุมใหญ่ ยกเว้นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย องค์ประชุมที่ประชุมใหญ่เพื่อเลิกสมาคม ต้องมีสมาชิกสามัญมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่จริงในขณะนั้น และมีมติที่ให้เลิกสมาคมต้องไม่น้อยกว่าสามในสี่ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ ๕๘. เมื่อสมาคมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของนิติบุคคลแห่งประเทศไทยที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะแห่งหนึ่งแห่งใด หรือหลายแห่งตามมติของที่ประชุม
หมวด ๑๕
บทเฉพาะกาล
ข้อ ๕๙. นายกสมาคม คณะกรรมการสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทยที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนหรือในวันที่ใช้ข้อบังคับนี้ ให้เป็นคณะกรรมการสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทยได้ตามข้อบังคับนี้
ข้อ ๖๐. ผู้ที่เป็นสมาชิกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทยอยู่ก่อนหรือในวันที่ใช้ข้อบังคับนี้ให้เป็นสมาชิกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทยได้ตามข้อบังคับนี้
ข้อ ๖๑. บรรดาระเบียบที่ใช้บังคับอยู่ก่อนประกาศใช้ข้อบังคับนี้ยังคงใช้ได้ต่อไปเฉพาะส่วนที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้